การลบไฟล์ขยะออกจากเครื่องเพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้เร็วขึ้น

ไฟล์ขยะเป็นไฟล์ที่เกิดจากการใช้งานของเราซึ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติจากการทำงานของวินโดว์ ไฟล์เหล่านี้ที่เกิดขึ้นมาจะนำพื้นที่ในฮาร์ดดิสก์มาใช้ด้วยเพื่อประเมินผลชั่วคราวหรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า (cookie temp) หรืออาจจะเกิดจากการลบโปรแกรมบางตัวแต่เราอาจจะลบไม่หมดหรือจากการใช้งานอินเตอร์เน็ตซึ่งไฟล์ขยะเหล่านี้จะทำให้พื้นที่ในฮาร์ดดิสก์ของเราใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดปัญหาที่ตามมาคือเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราทำงานช้าลง อินเตอร์เน็ตก็ช้าลงด้วย

หากเราปล่อยเอาไว้ก็ได้ แต่เราจะปล่อยมันไว้ทำไมเนื่องจากมันไม่มีประโยชน์และทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของเรารกเปล่าๆซึ่งผมแนะนำว่าให้ทำการลบดีกว่าซึ่งวิธีการลบไฟลขยะนั้นสามารถทำการลบได้ด้วยวิธีการดังนี้ครับ

วิธีที่ 1 ทำการคลิกที่ปุ่ม Start < พิมพ์คำสั่ง Disk cleanup ในช่องค้นหาซึ่งจะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาให้ทำการติ๊กเครื่องหมายถูกตรงรายการที่ต้องการลบหลังจากนั้นก็ให้คลิกที่ Clean up system file

วิธีที่ 2 คลิกที่ปุ่ม Start < Accessories < Run แล้วพิมพ์คำสั่ง %temp% กดปุ่มที่คีย์บอร์ Ctrl+A แล้วคลิกที่ปุ่ม delete

หรือกดปุ่ม Shift + delete เพื่อเป็นการลบไฟล์แบบถาวร

วิธีที่ 3 การลบข้อมูลใน Prefetch ควรทำการลบเดือนละ 1 ครั้ง สำหรับข้อมูลในนี้เมื่อเราใช้งานไปนานๆจะเต็มไปด้วยไฟล์ขยะ ลิงค์ที่หมดอายุ และข้อมูลที่เราเคยเปิดใช้งาน ซึ่งจะส่งผลให้คอมพิวเตอร์ของเราทำงานได้ช้าลง

สำหรับการลบไฟล์ขยะนี้สามาถลบได้ไม่ส่งผลเสียต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราใดๆทั้งสิ้นไฟล์นี้จะอยู่ในC:\windows\prefetch\Prefetch  กดปุ่ม Ctrl + A เพื่อเลือกทั้งหมด หลังจากนั้นกดปุ่ม shift + delete เพื่อลบไฟล์แบบถาวร

วิธีที่ 4 การลบ cookies บราวเซอร์ Google chrome

1. เข้าไปที่มุมขวาด้านบนของ บราวเซอร์ Google chrome จะเห็นเครื่องหมาย 3 ขีด คลิก 1 ครั้งแล้วเลือกการตั้งค่า

เลือกการตั้งค่า

2. จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาให้ทำการคลิกที่ แสดงการตั้งค่าขั้นสูง

3. ให้ทำการคลิกที่ รีเซ็ตการตั้งค่า เพื่อเป็นการลบข้อมูลการท่องเว็บของเรา

อ่านบทความต่อ

วิธีการแก้ไขปัญหาแถบ Language Bar ของ Windows 7 หายไปจาก Taskbar

แถบ Language Bar ถือได้ว่ามีความสำคัญในการใช้คอมพิวเตอร์ของเราเป็นอย่างมากเนื่องจากเราต้องใช้ในการเปลี่ยนภาษาในการเขียนอยู่บ่อยๆ ซึ่งถ้าแถบนี้หายไปเราก็ไม่สามารถที่จะรู้ว่าเรากำลังใช้ภาษาอะไรอยู่ สำหรับผม ผมใช้อยู่ 2 ภาษาคือภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และถ้าแถบ Language Bar หายไปเราสามารถที่จะเปิดขึ้นมาใช้งานใหม่ได้ ซึ่งจะมีอยู่ 2 วิธีดังนี้ครับ

แถบ Language Bar จะอยู่ทางด้านล่างขวามมือของเรา

ขั้นตอนที่ 1 วิธีแก้ปัญหาเมื่อของ Windows 7 หายไปจาก Taskbar

1. กดปุ่ม Start < Control panel
2. ให้คลิกที่ Region and Language

3. ให้คลิกที่ Keyboards and  Languages จากนั้นให้เลือก Change Keyboards

4. .ให้คลิกที่ Languags Bar แล้วคลิกเลือกที่ Docked the taskbar จากนั้นคลิกปุ่ม OK

เมื่อเราได้คลิกที่ปุ่ม OK แล้วพบว่าปุ่มภาษาได้แสดงขึ้นมาแล้วก็หายไปอีกก็ให้ลองทำตามขั้นตอนนี้ดูน่ะครับ

เมื่อเราได้ทำตามขั้นตอน ที่ 1 แล้วก็ยังไม่มาอีกก็ให้ทำตามขั้นตอนนี้ดูน่ะครับ

ขั้นตอนที่ 2 วิธีแก้ปัญหาเมื่อของ Windows 7 หายไปจาก Taskbar

1. คลิกที่ปุ่ม Start < Accessories < Run

2. พิมคำว่า Regedit แล้วคลิก OK

3. เมื่อเข้าสู่หน้าต่าง Registry editor ก็ให้เข้าไปที่ HKEY_LOCAL_MACHINE/SOFTWARE/Microsoft/Windows/CurrentVersion/Run

หลังจากนั้นให้คลิกขวาพื้นที่ว่างๆ แล้วให้เลือก New < String Value

4. ให้ทำการคลิกขวาไฟล์ที่เราได้สร้างขึ้นมาแล้วให้เลือก Modify

5. เมื่อหน้าต่าง Edit string ปรากฎขึ้นมาก็ให้พิม ctfmon.exe ที่ช่อง Value data

6.หลังจากนั้นให้ทำการเปลี่ยนชื่อไฟล์เป็น ctfmon

7. ทำการ Restart 1 ครั้งเพื่อทำการเปิดใช้งานแถบเปลื่ยนภาษา

อ่านบทความต่อ

วิธีการสร้างภาพขอบฟุ้ง ด้วย Photoshop CS4

วิธีการสร้างภาพขอบฟุ้ง ด้วย Photoshop CS4

ขั้นตอนการสร้างภาพของฟุ้ง
1. ให้ทำการเปิดไฟล์ภาพที่ต้องการสร้างโดยเข้าไปที่ File<Open<เลือกไฟล์ภาพที่ต้องการสร้าง
2. เลือกเครื่องมือ Quick Selection Tool ทำการเลือกภาพตามที่ต้องการ
3. คลิกเมนู Select<Inverse เพื่อกลับไปเลือกส่วนที่ตรงข้าม หลังจากนั้นให้กดปุ่ม Delete
4. กำหนดความฟุ้งของขอบรูปภาพโดยกด Ctrl+Alt+D หรือกด Refine Edge
5. พิมพ์ตัวเลขค่า Feather = 5 (กำหนดได้ตามใจชอบ) คลิกปุ่ม OK
6. กดปุ่ม Delete ประมาณ 1-2 ครัง หรือมากกว่านั้นก็ได้
7. ยกเลิกเส้นประกดปุ่ม Ctrl+D

เลือกเครื่องมือ Quick Selection Tool ทำการเลือกภาพตามที่ต้องการ

คลิกเมนู Select<Inverse เพื่อกลับไปเลือกส่วนที่ตรงข้าม หลังจากนั้นให้กดปุ่ม Delete

กำหนดความฟุ้งของขอบรูปภาพโดยกด Ctrl+Alt+D หรือกด Refine Edge พิมพ์ตัวเลขค่า Feather = 5

ผลงาน

อ่านบทความต่อ

การแก้ปัญหาเน็ตหลุดบ่อย

ผมใช้ Google Chrome ในการท่องเว็บและใช้โทรศัพท์ในการเชื่อมต่อเน็ต ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ผมได้เจอปัญหาเน็ตหลุดบ่อยทั้งๆที่เน็ตยังเชื่อมต่ออยู่ หลุดบ่อยมากจนน่ารำคาญ ซึ่งปัญหาข้อผิดพลาดมันแจ้งว่า DNS_PROBE_FINISHED_NXDOMAIN ข้อผิดพลาดนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการค้นหา DNS ล้มเหลวเมื่อพยายามเข้าถึงหน้าเว็บไซต์

วิธีที่ผมใช้แก้ไข วิธีที่ 1 ทำการเปลี่ยนการตั้งค่า DNS

เป็นวิธีที่ผมใช้แก้ปัญหาซึ่งทำให้การเชื่อมต่อเน็ตของผมเป็นปรกติ ไม่หลุดอีกแล้ว

ขั้นตอนที่ 1 เข้าไปที่ control panel < Network and sharing center < change adapter settings

เลือก network ที่เราใช้เชื่อมต่อเน็ต คลิกขวาลือก Properties

ขั้นตอนที่ 2 จะมีป็อบอัพขึ้นมา คลิกที่  Internet Protocol รุ่น 4 (TCP / IPv4) แล้วให้คลิกที่ Properties

ขั้นตอนที่ 3 จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาให้ทำการป้อนค่าตามภาพด้านล่างเมื่อทำการป้อนค่าเส็จแล้วให้คลิกที่ปุ่ม OK

เซิร์ฟเวอร์ DNS: 8.8.8.8
DNS สำรอง SERVER 8.8.4.4

สำหรับในกรณีที่ google chrome แจ้งว่า ERR_NAME_NOT_RESOLVED ให้ทำการ Clear Host Cache. โดยพิมพ์คำสั่ง chrome://net-internals/#dns   ที่ Address bar ตัวอย่างตามภาพข้างล่างนี้ครับ

ทำการ Clear Host Cache โดยทำตามภาพ

และทั้งหมดนี้จะเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาด DNS_PROBE_FINISHED_NXDOMAIN  หากท่านยังแก้ปัญหาไม่ได้ท่านสามารถแสดงความคิดเห็นด้านล่างบทความนี้ครับ

อ่านบทความต่อ